คลอรีน คืออะไร?
คลอรีน (Chlorine) เป็นสารเคมีที่มีประสิทธิภาพสูง จัดอยู่ในกลุ่มฮาโลเจน (กลุ่ม O) ในตารางธาตุ เป็นสารที่นำไปใช้ประโยชน์มากมาย ไม่ว่าจะเป็นด้านอุตสาหกรรม เกษตรกรรม ตลอดจนสาธารณสุข และที่เห็นได้ชัดเจน คือ การนำมาเป็นสารในการฆ่าเชื้อจุลินทรีย์ของขบวนการผลิต น้ำดื่ม-น้ำ ใช้ในโรงงานอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม, ฟาร์มเลี้ยงปศุสัตว์, ฟาร์มเลี้ยงสัตว์น้ำ, ในตลาดสด และในครัวเรือน รวมทั้งใช้ในการบำบัดน้ำเสียจากแหล่งต่าง ๆ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งในสระว่ายน้ำ
“คลอรีน” ที่ใช้โดยทั่วไป แบ่งได้เป็น 3 รูปแบบ คือ
- คลอรีนที่มาในรูปแบบก๊าซ
- คลอรีนที่มาในรูปแบบน้ำ ได้แก่ โซเดียมไฮโปคลอไรท์ (คลอรีนน้ำ), คลอรีนเหลว (Liquid Chlorine) และน้ำยาฟอกขาว (Liquid Calcium Hypo)
- คลอรีนที่มาในรูปแบบของแข็ง ได้แก่ แคลเซียมไฮโปคลอไรท์, โซเดียมไดคลอโร ไอโซไซยานูเรท (DCCNa) และไตรคลอโรไอโซไซยานูริค แอซิด (Trichloroisocyanuric Acid)

แบ่งสารประกอบใน “คลอรีน” ได้ดังนี้
คลอเรต (Chlorate-ClO3−) | คลอไรต์ (Chlorite-ClO2−) | ไฮโปคลอไรต์ (Hypochlorite ClO−) |
เปอร์คลอเรต (Perchlorate-ClO4−) | คลอรามีน (Chloramine-NH2Cl) | คลอรีนไดออกไซด์ (Chlorine dioxide-ClO2) |
กรดคลอริก (Chloric acid-HClO3) | คลอรีนโมโนฟลูออไรด์ (Chlorine monofluoride-ClF) | คลอรีนไตรฟลูออไรด์ (Chlorine trifluoride-ClF3) |
คลอรีนเพนต้าฟลูออไรด์ (Chlorine pentafluoride-ClF5) | ไดคลอรีนโมนอกไซด์ (Dichlorine monoxide-Cl2O) | ไดคลอรีนเฮปตอกไซด์ (Dichlorine heptoxide-Cl2O7) |
กรดไฮโดรคลอริก (Hydrochloric acid-HCl) | กรดเปอร์คลอริก (Perchloric acid-HClO4) |
ประโยชน์และโทษของสารคลอรีน
- คลอรีน ถือว่าเป็นสารที่มีมีปลอดภัยสูง เพราะสามารถฆ่าเชื้อโรคได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้น้ำใสสะอาดปลอดเชื้อ และสามารถสลายตัวได้ในเวลาอันรวดเร็ว แต่ต้องใส่ในปริมาณที่เหมาะสม
- หากใช้ในปริมาณที่มากเกินอัตราส่วนที่กำหนด อาจเป็นอันตรายต่ออวัยวะของร่างกายได้ เช่น ตา จมูก ผิวหนัง เมื่อถูกคลอรีนจะอักเสบและบวมพอง ถ้าสูดดมเข้าไปจะทำให้เกิดอาการอึดอัด หายใจไม่สะดวก เจ็บคอ แน่นหน้าอก ถ้าได้รับสารปริมาณมากอาจทำให้เสียชีวิตได้
- ใช้ในอุตสาหกรรมผลิตกระดาษ ทำยาฆ่าเชื้อจุลินทรีย์ ทำสีผสมอาหาร ยาฆ่าแมลง สี ผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม พลาสติก เวชภัณฑ์ อุตสาหกรรมสิ่งทอต่าง ๆ เป็นต้น
- ในทางอินทรีย์เคมี ใช้ธาตุนี้ทำปฏิกิริยาออกซิเดชันและทำปฏิกิริยาแทนที่ เพราะคลอรีนมีคุณสมบัติเคมีที่ต้องการในสารประกอบอินทรีย์ เมื่อเข้าไปแทนที่ ไฮโดรเจน (ในการผลิต ยางสังเคราะห์)
- ใช้ในการผลิตคลอเรต (chlorates) เช่น คลอโรฟอร์ม (chloroform) คาร์บอน เตตระคลอไรด์ (carbon tetrachloride) และใชในการสกัดโบรมีน (Bromine)

ตารางแสดง อัตราการใช้คลอรีนที่เหมาะสม
วัตถุประสงค์ | ความเข้มข้นที่ใช้ | ระยะเวลาที่ใช้ |
ฆ่าเชื้อแบคทีเรีย | 100 – 125 ppm. | 10 นาที |
ฆ่าเชื้อรา | 100 ppm. | 1 ชั่วโมง |
ทำความสะอาด โรงเรือนเลี้ยงปศุสัตว์ | 10,000 ppm. | 10 นาที แล้วล้างออก |
ทำความสะอาด โรงเลี้ยง เป็ด-ไก่ | 5,000 ppm. | 3 – 5 นาที แล้วล้างออก |
ฆ่าเชื้อในบ่อเลี้ยงกุ้ง บ่อเพาะลูกกุ้ง | 20 – 30 ppm. | 5 – 7 วัน จนคลอรีนสลายตัวหมด |
ฆ่าเชื้อในบ่อเลี้ยงปลา บ่อเพาะลูกปลา | 20 – 30 ppm. | 5 – 7 วัน จนคลอรีนสลายตัวหมด |
ทำความสะอาดอุปกรณ์ต่าง ๆ | 200 – 300 ppm. | 5 – 10 นาที แล้วล้างออก |
ฆ่าเชื้อและดับกลิ่น ในตลาดสด | 5,000 – 10,000 ppm. | 10 นาที แล้วล้างออก |
ในสระว่ายน้ำ | 0.6 – 1 ppm. | รักษาระดับ pH ของน้ำที่ 7.2 – 7.8 และความเข้มข้นของคลอรีนให้คงที่ |
ในโรงงานบรรจุอาหารกระป๋อง | 2 ppm. | รักษาระดับให้คงที่ ในน้ำที่ใช้ลดความร้อน ของอาหารกระป๋องหลังบรรจุ |
ใช้ในการทำน้ำประปา | 0.5 ppm. | 30 นาที ก่อนจ่ายน้ำเข้าสู่ระบบ |
ใช้ฆ่าเชื้อ ในขบวนการบำบัดน้ำทิ้ง | 20 – 30 ppm. | ยังไม่ถึงขั้น สเตอริไลท์ (Sterilization) ขบวนการย่อยสลาย ยังคงอยู่ได้ |
ใช้ลดค่า BOD ในน้ำเสีย | 0.5 ppm. | 15 นาที สามารถค่า BOD ได้ 15 – 30% |
ใช้ลดการพองของตะกอน ในน้ำทิ้ง | 0.1 ppm. | 1 นาที |
ลดการเกิดฟอง และตกตะกอนในน้ำเสีย | 10 – 15 ppm. | – |
คลอรีน ชนิดต่าง ๆ ที่ใช้กันโดยทั่วไป มีข้อดี-ข้อเสีย แตกต่างกัน ดังนั้น การใช้คลอรีนให้ได้ผลนั้น จำเป็นต้องกำหนดวัตถุประสงค์ของการใช้ แล้วทำการเปรียบเทียบเพื่อให้สามารถใช้คลอรีนได้ถูกต้องได้ผลสูงสุดตามที่ต้องการ
การใช้งาน คลอรีน
- ก่อนใช้ต้องอ่านฉลากข้างภาชนะบรรจุ และปฎิบัติตามวิธีการใช้อย่างเคร่งครัด
- ห้ามกลิ้งหรือโยนภาชนะบรรจุโดยเด็ดขาด
- การตักคลอรีนจากภาชนะบรรจุ ต้องใช้พลั่วพลาสติกที่แห้งและสะอาด
- ระวังอย่าให้คลอรีนสัมผัสกับกรดหรือด่าง วัตถุไวไฟ และเคมีภัณฑ์อื่น ๆ เพราะอาจทำให้เกิดปฏิกิริยาอย่างรุนแรง
- ห้ามทำการละลายคลอรีน โดยการเทน้ำใส่เพราะอาจเกิดการระเบิดได้
- ขณะใช้ควรสวมแว่นตา ถุงมือ และชุดป้องกันอย่างรัดกุม
- กรณีถูกไฟไหม้ คลอรีนจะปล่อยก๊าซออกซิเจน ดังนั้น ต้องใช้เครื่องดับเพลิงที่ให้ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ หรือผงเคมีในการดับ เท่านั้น
การเก็บรักษา
- เก็บในภาชนะทีปิดสนิทมิดชิด และห่างจากสารที่ลุกไหม้ได้
- เก็บไว้ในที่แห้งและเย็น ไม่โดนแสงแดด และมีอากาศถ่ายเทสะดวก
การปฐมพยาบาลหากได้รับอันตราย
- ถ้าสารเข้าตาหรือสัมผัสผิวหนัง ให้ล้างด้วยน้ำสะอาดปริมาณมากๆอย่างน้อย 15 นาที กำจัดเสื้อผ้าที่เปื้อนสาร แล้วนำส่งแพทย์
- กรณีสูดดมสาร ให้รีบนำตัวสู่บริเวณที่มีอากาศบริสุทธิ์ แล้วนำส่งแพทย์โดยทันที
- กรณีกลืนกินสาร ถ้าผู้ป่วยยังมีสติ ให้ดื่มน้ำมาก ๆ แล้วตามด้วยน้ำมันพืช หากมีการอาเจียนให้ดื่มน้ำมาก ๆ แล้วนำส่งแพทย์ทันที ถ้าผู้ป่วยหมดสติ อย่าให้รับประทานสิ่งใด และห้ามทำให้อาเจียนโดยเด็ดขาด ให้รีบนำส่งแพทย์โดยเร็วที่สุด
Leave A Comment