แมกนีเซียมออกไซด์ (Magnesium oxide)

เป็นแร่ของแข็งสีขาว เป็นสารประกอบโลหะออกไซด์ของแมกนีเซียม (Mg) เมื่อละลายน้ำแล้วจะทำให้น้ำเป็นด่าง นำมาใช้ประโยชน์หลายด้าน ทั้งในด้านอุตสาหกรรม การแพทย์ อาหาร และการเกษตร เช่น ใช้ผลิตเป็นวัสดุ หรือฉนวนกันความร้อน ใช้เป็นยาลดกรดในกระเพาะอาหาร ใช้เป็นส่วนผสมของซีเมนต์ก่ออิฐทนไฟ ใช้อุตสาหกรรมผลิตยาง อุตสาหกรรมปิโตรเคมี และสารทำความสะอาด เป็นต้น

210119-Content-แมกนีเซียมออกไซด์-ประโยชน์และพิษต่อร่างกาย-02 edit


คุณสมบัติเฉพาะของแมกนีเซียมออกไซด์ 

CAS Number1309-48-4
ชื่อทางการค้าแมกนีเซียมออกไซด์ (Magnesium oxide)
ชื่อทางเคมีMagnesium oxide
ชื่ออื่น ๆ Magnesia, Periclase, Oxomagnesium
สูตรทางเคมีMgO
น้ำหนักโมเลกุล40.305 กรัม/โมล
ลักษณะทางกายภาพเป็นผงสีขาว ไม่มีกลิ่น
จุดหลอมเหลว2,825 °C
จุดวาบไฟไม่เป็นสารติดไฟ
อุณหภูมิที่ติดไฟได้เองไม่เป็นสารติดไฟ
อัตราส่วนในอากาศที่เกิดระเบิด/ติดไฟไม่เป็นสารติดไฟ
ขีดจำกัดการติดไฟ ไม่เป็นสารติดไฟ
ความดันไอ
ความหนาแน่นไอ
ความหนาแน่น3.6 กรัม/มล.
ความถ่วงจำเพาะ
ค่าคงที่เฮนรี่
จุดเยือกแข็ง
การละลายละลายน้ำได้ 86 มิลลิกรัม/ลิตร ที่ 30°C เมื่อละลายน้ำจะทำให้น้ำเป็นด่าง
การสลายตัว
ความเป็นกรด-ด่าง (pH)10.3 ด้วยการละลายที่อิ่มตัว
สารที่ต้องหลีกเลี่ยง

โครงสร้างผลึกแมกนีเซียมออกไซด์ (MgO)
แมกนีเซียมออกไซด์ (MgO) ประกอบด้วยธาตุแมกนีเซียม (Mg) 1 อะตอม และออกซิเจน (O) 1 อะตอม มีโครงสร้างผลึกแบบลูกบาศก์ที่เป็นโครงสร้างผลึกของสารประกอบไอออนิกส์ ที่เรียกว่า rock-salt structure โดย Mg2+ บรรจุอยู่ในช่องออกตะฮีดอล แต่เนื่องจาก Mg2+ มีขนาดใหญ่กว่าช่องของออกตะฮีดอลที่เกิดจาก O2- จึงทำให้ O2- ถูกผลักออกจากกัน แต่ O2- ไม่ประสานกัน แต่จะประสานสัมผัสกับ Mg2+ ทั้ง 6 อะตอม ส่วนแต่ละ Mg2+ จะประสานสัมผัสกับ O2- ทั้ง 6 อะตอมเช่นกัน จึงมีเลขโคออร์ดิเนชั่นเป็นแบบ 6:6


การผลิตแมกนีเซียมออกไซด์

แมกนีเซียมออกไซด์ เป็นแร่ที่พบได้ทั่วไปในธรรมชาติ มีลักษณะเป็นก้อนผลึกสีขาว ซึ่งในธรรมชาติมักพบในรูปของแมกนีเซียมไฮดรอกไซด์ (Mg(OH)2) เป็นส่วนใหญ่ เนื่องจาก แมกนีเซียมออกไซด์ (MgO) เมื่อสัมผัสกับน้ำ หรือความชื้นจะเปลี่ยนเป็นแมกนีเซียมไฮดรอกไซด์ (Mg(OH)2) แต่ถ้าต้องการให้กลับมาเป็นแมกนีเซียมออกไซด์เหมือนเดิม จะต้องให้ความแก่แมกนีเซียมไฮดรอกไซด์จนน้ำ หรือความชื้นระเหยออกหมด

สูตร MgO + H2O → Mg(OH)2

สำหรับการผลิตแมกนีเซียมออกไซด์ ทำได้ 2 วิธี คือ
1. การเผาแมกนีเซียมไฮดรอกไซด์ (Mg(OH)2)

  • แมกนีเซียมออกไซด์ออกจากน้ำทะเลทำได้โดยนำน้ำทะเลที่มีแมกนีเซียมมากกว่าร้อยละ 0.2 มาทำปฏิกิริยากับแคลเซียมไฮดรอกไซด์ (Ca(OH)2) ทำให้ได้ตะกอนของแมกนีเซียมไฮดรอกไซด์ (Mg(OH)2) จากนั้น นำแมกนีเซียมไฮดรอกไซด์ไปอบแห้งไล่น้ำออกจนได้ผลิตภัณฑ์เป็นแมกนีเซียมออกไซด์ (MgO) 
  • การเผาแมกนีเซียมไฮดรอกไซด์ที่ได้จากแหล่งสินแร่ในธรรมชาติ

สูตร Mg(OH)2 + ความร้อน (1,550-2,000°C) → MgO

ในส่วนของการเผาสำหรับนำแมกนีเซียมออกไซด์ไปใช้ผลิตเป็นวัสดุทนไฟ เช่น เซรามิก จะต้องเผาแมกนีเซียมไฮดรอกไซด์ ที่อุณหภูมิ 1,650°C และนำไปบดให้ละเอียดอีกครั้งก่อนนำไปใช้งาน ซึ่งจะได้แมกนีเซียมออกไซด์ที่มีความหนาแน่นสูง สามารถเกาะตัวเป็นก้อนแข็งได้ดี

2. การเผาแมกนีเซียมคาร์บอเนต (MgCO3) หรือ แร่แมกนีไซต์ (magnesite) ที่ได้จากแหล่งแร่บนผิวโลก โดยการเผาที่อุณหภูมิ 500 – 1,500°C จนได้ผลิตภัณฑ์เป็นแมกนีเซียมออกไซด์ 

สูตร MgCO3+ ความร้อน (500-1,500°C) → MgO + CO2

แมกนีเซียมออกไซด์ที่นำไปใช้ผลิตฉนวนไฟฟ้า จะต้องเผาแมกนีเซียมคาร์บอเนตที่อุณหภูมิ 1,600 – 1,800°C แต่แมกนีเซียมคาร์บอเนตสามารถเผาจนได้แมกนีเซียมออกไซด์ที่อุณหภูมิต่ำได้ที่ 500°C แต่จะแตกตัวได้เป็นแมกนีเซียมออกไซด์ที่สมบูรณ์ จะต้องเผาจนถึงอุณหภูมิ 1,500°C


การใช้ประโยชน์แมกนีเซียมออกไซด์

210119-Content-แมกนีเซียมออกไซด์-ประโยชน์และพิษต่อร่างกาย-03 edit


1. ภาคอุตสาหกรรม

  • แมกนีเซียมออกไซด์ เป็นสารประกอบที่มีพื้นที่ผิวสัมผัสสูง จึงถูกใช้เป็นตัวรองรับในปฏิกิริยาออกซิเดชัน (Oxidation) และยังถูกใช้เป็นสารเพิ่มความเสถียรทางความร้อนให้กับตัวเร่งปฏิกิริยา
  • แมกนีเซียมออกไซด์ เป็นสารประกอบที่มีพื้นที่ผิวสัมผัสสูง จึงถูกใช้เป็นสารดูดซับในหลายด้าน เช่น ใช้เป็นสารกรองในกระบวนการปรับปรุงคุณภาพน้ำสำหรับการกรองดูดซับสิ่งปนเปื้อนขนาดเล็ก
  • ในโรงงานอุตสาหกรรมที่ต้องใช้เตาเผาอุณหภูมิสูง จะใช้แมกนีเซียมออกไซด์เป็นตัวประสานก้อนอิฐในการก่อสร้างเตา เช่น โรงงานถลุงเหล็ก และโรงงานรีดเหล็ก เป็นต้น เพราะสามารถทนต่อความร้อนได้ดีกว่าปูนก่อทั่วไป ซึ่งสูงถึง 2,825 °C
  • แมกนีเซียมออกไซด์ มีคุณสมบัติในการสะท้อนแสงได้ดี จึงนิยมใช้เป็นส่วนผสมในกระบวนการผลิตสี หรือ ใช้เป็นสารเคลือบวัสดุ เพื่อช่วยในการสะท้อนแสง
  • ใช้เป็นสารเคลือบวัสดุเพื่อให้เกิดความโปร่งแสง หรือ ใช้เป็นส่วนผสมในการผลิตวัสดุโปร่งแสง เช่น เลนส์กล้อง หรือ กระจก
  • ใช้เป็นส่วนผสมในอุตสาหกรรมผลิตเซรามิกชนิดต่าง ๆ สำหรับเป็นส่วนผสมในเนื้อเซรามิก ทำหน้าที่ช่วยลดสัมประสิทธิ์การหดตัว และการขยายตัวของเนื้อเซรามิก ขณะได้รับความร้อน และการลดความร้อน รวมถึงทำหน้าที่กันความร้อน และทนไฟได้ดี ผลิตภัณฑ์เซรามิกต่าง ๆ ได้แก่ ถ้วย ชาม เครื่องปั้นดินเผา กระเบื้อง อิฐก่อ เป็นต้น
  • ใช้เป็นวัตถุดิบหลักในการผลิตอิฐทนไฟ
  • ใช้เป็นส่วนผสมในการผลิตปูนซีเมนต์
  • ใช้เป็นส่วนผสมของสารยับยั้งการกัดกร่อน หรือ ลดการหดหรือขยายตัวของวัสดุ
  • ใช้ผลิตเป็นฉนวนกันความร้อนในอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์
210119-Content-แมกนีเซียมออกไซด์-ประโยชน์และพิษต่อร่างกาย-04 edit


2. อาหาร และอุตสาหกรรมอาหาร

  • แมกนีเซียมออกไซด์ ใช้เป็นสารเติมแต่งในอาหาร เนื่องจาก สามารถดูดซับน้ำหรือความชื้นได้ดี ช่วยป้องกันการจับตัวเป็นก้อนของอาหาร

3. ทางการแพทย์

  • แมกนีเซียมออกไซด์ใช้ผลิตเป็นยาลดกรดในกระเพาะอาหาร เนื่องจาก เป็นสารประกอบที่สามารถ Neutralize กรด หรือ สามารถที่จะความเป็นกรดในกระเพาะอาหารลงได้ สามารถใช้เป็นยาลดกรดได้ทั้งในคน และสัตว์
  • แมกนีเซียมออกไซด์ใช้เป็นส่วนผสมของสารอุดฟันหรืออุดร่องฟัน

ข้อควรระวังการใช้ แมกนีเซียมออกไซด์ทางการแพทย์
แมกนีเซียมออกไซด์ที่เป็นส่วนผสมในยาลดกรด หากรับประทานมากอาจเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดอาการท้องเสียหรือการถ่ายเหลวได้ เพราะแมกนีเซียมออกไซด์ออกฤทธิ์เป็นยาระบายได้เช่นกัน
หากเกิดสภาวะแมกนีเซียมในเลือดสูง (Hypermagnesemia) จะทำให้เกิดภาวะความดันเลือดต่ำ เกิดอาการคลื่นไส้อาเจียน เกิดความผิดปกติในระบบทางเดินหายใจ เกิดความผิดปกติในคลื่นไฟฟ้าหัวใจ โดยเฉพาะในผู้ป่วยที่มีภาวะไตวายอย่างรุนแรงจะแสดงอาการอย่างรวดเร็ว และอาการทรุดหนักได้ง่ายกว่าคนทั่วไป

ดังนั้น ผู้ป่วยที่มีภาวะไตวาย ไม่ควรใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของแมกนีเซียมมากกว่า 50 mEq เช่น ยาลดกรด เป็นต้น แต่หากมีความจำเป็นต้องใช้ ให้ปรึกษาแพทย์ และใช้ในปริมาณตามคำแนะนำของแพทย์เป็นสำคัญ

4. การเกษตร

  • มีการใช้ประโยชน์แมกนีเซียมออกไซด์ในลักษณะเดียวกันในมนุษย์ คือ ถูกใช้เป็นยาลดกรดในกระเพาะของสัตว์ ทั้งสัตว์กระเพาะเดี่ยว และสัตว์เคี้ยวเอื้อง โดยอาจให้ในรูปยาลดกรด หรือ ผสมในอาหารสัตว์
  • ใช้เป็นส่วนผสมของปุ๋ย สำหรับเป็นธาตุอาหารรองให้แก่พืช


★ ★ ★ ★ ★ ★ ★ ★ ★ ★ ★ ★ ★ ★ ★ ★ ★ ★ ★ ★

กลไกลการลดความเป็นนกรดของแมกนีเซียมออกไซด์ในกระเพาะอาหาร
1. แมกนีเซียมออกไซด์ (MgO) เมื่อละลายน้ำจะทำให้สารละลายมีคุณสมบัติเป็นด่าง ช่วยลดปริมาณกรดได้
สูตร MgO + H2O → Mg + (OH)-2 (ด่าง)
2. ในกระเพาะมนุษย์ หรือ สัตว์กระเพาะเดี่ยว แมกนีเซียมออกไซด์ (MgO) จับกับกรดไฮโดรคลอดริก (HCl) ทำให้ได้เป็นแมกนีเซียมคลอไรด์ (MgCl2) และน้ำ
สูตร MgO + 2HCl → MgCl2+ H2O
3. ในกระเพาะสัตว์เคี้ยวเอื้อง เช่น โค กระบือ ที่มีการผลิตกรดแลคติก โดยแมกนีเซียมออกไซด์ (MgO) จะเข้าจับกับกรดแลคติด ได้เป็นแมกนีเซียมแลคเตท และน้ำ 
สูตร MgO + CH3CHOHCOOH → (CH3COHCOO)2Mg + H2O


พิษแมกนีเซียมออกไซด์ต่อร่างกาย

  • การรับแมกนีเซียมออกไซด์เข้าสู่ร่างกายในปริมาณสูง ไม่ว่าจะได้รับจากการรับประทานโดยตรงหรือได้รับจากยา และอาหารจะทำให้เกิดภาวะแมกนีเซียมในเลือดสูง (Hypermagnesemia) ทำให้ร่างกายเกิดภาวะความดันเลือดต่ำ มีอาการคลื่นไส้อาเจียน การหายใจ และคลื่นไฟฟ้าหัวใจผิดปกติ
  • การสัมผัสกับผงแมกนีเซียมออกไซด์ที่ดวงตาจะทำให้เกิดการระคายเคือง มีอาการตาพร่ามัว แสบตา เยื่อบุตาอักเสบ
  • การสูดดมไอของโลหะแมกนีเซียมออกไซด์จะทำให้เกิดอาการแสบบริเวณโพรงจมูก และลำคอ เกิดอาการแน่นหน้าอก ไอ และหายใจติดขัด รวมถึงทำให้เกิดอาการเป็นไข้


จะเห็นได้ว่า แมกนีเซียมออกไซด์  มีประโยชน์มากมายเลยทีเดียว ควรทำความเข้าใจวิธีการใช้งานให้ถูกต้องกันด้วย เมื่อได้รับผลกระทบควรรีบทำตามคำแนะพื่อความปลอดภัยของตัวคุณเอง

>>สามารถอ่านบทความต่าง ๆ จาก มารูโมะ ได้ตามนี้เลย<<