ไซยาไนด์ (Cyanide) คือ สารเคมีอันตรายที่ออกฤทธิ์ได้อย่างรวดเร็ว เป็นกลุ่มของสารเคมีที่มีไซยาไนด์ไอออน (CN-) เป็นองค์ประกอบ สารเคมีกลุ่มนี้มีความเป็นพิษสูงมาก มักพบในรูปของสารประกอบโลหะอัลคาไลด์ที่เป็นของแข็งสีขาว และสารประกอบโลหะหนัก พบได้มากในพืชในรูปของกรดไฮโดรไซยานิค สามารถวิเคราะห์หาได้ในรูปของไซยาไนด์ไอออน สามารถวิเคราะห์หาไซยาไนด์ได้โดยใช้วิธีการกลั่น (Distillation Measurement) เมื่อเข้าสู่ร่างกาย จะเข้าไปยับยั้งการทำงานของเซลล์จนอาจเป็นอันตรายถึงชีวิต

ไซยาไนด์ เป็นสารเคมีที่มักนำมาใช้ในอุตสาหกรรมการผลิตกระดาษ สิ่งทอ และพลาสติก สามารถปนเปื้อนได้ทั้งในอากาศ ดิน น้ำ และอาหาร และไซยาไนด์สามารถเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ โดยพบในพืชบางชนิด อย่างอัลมอนด์ แอปเปิล และยังเกิดได้จากกระบวนการเผาผลาญภายในร่างกายมนุษย์  อย่างไรก็ตาม ไซยาไนด์ ปริมาณเพียงเล็กน้อยที่พบในพืชและกระบวนการเผาผลาญนั้นไม่เป็นอันตรายต่อสิ่งมีชีวิต


ชนิดของไซยาไนด์

210107-Content-“ไซยาไนด์”-คืออะไร-อันตรายแค่ไหน-02 edit


1) ไซยาไนด์อิสระ (Free Cyanide)

คือ ไซยาไนด์ในรูปของก๊าซไฮโดรเจนไซยาไนด์ หรือกรดไซยานิค (HCN) และ ไซยาไนด์ไอออน (CN-) สัดส่วนของกรดไซยานิคต่อไซยาไนด์

ไอออน ขึ้นอยู่กับค่าพีเอช และค่าคงที่การแตกตัวของกรดในธรรมชาติจึงมักพบอยู่ไนรูปไฮโดรเจนไซยาไนด์
HCN → H+ + CN

2) ไซยาไนด์กับโลหะอัลคาไลน์

เป็นไซยาไนด์ที่รวมกับโลหะอัลคาไลด์ เช่น โพแทสเซียมไซยาไนด์ (KCN), ไทโอไซยาเนต (SCN) และแอมโมเนียมไซยาไนด์ (NH4CN) เป็นต้น
มีสูตรทั่วไป คือ A(CN)x เมื่อ
A = โลหะอัลคาไลน์
X = จำนวนของไซยาไนด์ไอออน

สารประกอบไซยาไนด์กับโลหะอัลคาไลน์มักไม่เสถียร ระเหยตัวง่าย เป็นของแข็งละลายน้ำได้ดี เมื่อละลายน้ำจะแตกตัวให้ไซยาไนด์ไอออน (CN) ซึ่งมีความเป็นพิษสูง มีกลิ่นคล้ายอัลมอนด์

3) ไซยาไนด์กับโลหะหนัก

เป็นสารประกอบไซยาไนด์กับโลหะหนักชนิดต่าง ๆ โดยไม่มีโลหะอัลคาไลด์เป็นส่วนประกอบ เช่น คอปเปอร์ (II), ไซยาไนด์ (Cu(CN)2), ซิลเวอร์ไซยาไนด์ (AgCN) และซิงค์ไซยาไนด์ (Zn(CN)2) เป็นต้น สารประกอบเหล่านี้ละลายน้ำได้น้อยมาก

ปฏิกิริยาและการย่อยสลาย ไซยาไนด์ไอออนเกิดปฏิกิริยากับสารอื่นได้ดี ได้แก่ ไซยาไนด์ไอออนกับโลหะอัลคาไลด์ เช่น โพแทสเซียมไซยาไนด์ (KCN), ไซยาไนด์ไอออนกับโลหะหนัก เช่น ซิลเวอร์ไซยาไนด์ (AgCN) บางส่วนของสารประกอบจะถูกย่อยสลายโดยจุลินทรีย์ หรือถูกออกซิไดส์กลายเป็นไซยาเนต (CNO) และย่อยสลายต่อทางเคมีจนได้คาร์บอนไดออกไซด์ แอมโมเนีย และฟอร์เมท ระเหยสู่อากาศ


แหล่งกําเนิดไซยาไนด์

  • แหล่งกำเนิดในธรรมชาติ

คาร์บอนและไนโตรเจนเป็นธาตุที่มีอยู่รอบ ๆ ตัวเรา โดยประมาณ 80% ของอากาศที่เราหายใจ ประกอบไปด้วยธาตุทั้งสอง นอกจากนี้ ธาตุดังกล่าวยังเป็นองค์ประกอบของกรดอะมิโน ซึ่งเป็นองค์ประกอบพื้นฐานที่สําคัญในโมเลกุลของสิ่งมีชีวิตต่าง ๆ รวมถึงมนุษย์ด้วย ในธรรมชาติพืชและสัตว์บางชนิดสามารถสังเคราะห์ไซยาไนด์ได้ และใช้เป็นกลไกป้องกันอันตรายจากนักล่าในห่วงโซ่อาหาร แต่สิ่งมีชีวิตจํานวนมากก็สามารถปรับตัวให้ทนต่อไซยาไนด์ หรือขับสารนี้ออกจากร่างกายได้

แหล่งกําเนิดไฮโดรเจนไซยาไนด์ในธรรมชาติจะอยู่ในรูปของสารประกอบที่มีลักษณะคล้ายน้ำตาล ที่เรียกว่า อะมิกดาลิน (Amygdalin) ซึ่งพบได้ในผลไม้ ผัก เมล็ด และถั่วต่าง ๆ เช่น แอปริคอท, พีช, ถั่วงอก, ข้าวโพด, มะมวงหิมพานต์, เชอร์รี, มันฝรั่ง และถั่วเหลือง เป็นต้น

210107-Content-“ไซยาไนด์”-คืออะไร-อันตรายแค่ไหน-03 edit


👉 พืชต่าง ๆ เหล่านี้มีไซยาไนด์อยู่ในรูปไซยาโนไกลโคไซด์ต่าง ๆ กัน เช่น ในมันสำปะหลังพบในรูปลินามาริน (Linamarin) และโลทอสตราลิน (Lotaustralin) ร้อยละ 80-90 และที่เหลือพบในรูปของไซยาไนด์อิสระหรือไฮโดรเจนไซยาไนด์ ในขณะที่ในแอบเปิ้ลพบในรูปอมิกดาลิน (Amygdalin) และพรูนาริน (Prunasin) เป็นต้น ในพืชจะมีเอนไซม์ที่สามารถย่อยสลายไซยาโนไกลโคไซด์ต่าง ๆ เหล่านี้ให้เป็นไฮโดรเจนไซยาไนด์ ซึ่งเป็นพิษต่อศัตรูผู้รุกรานได้ เช่น ในมันสำปะหลังจะมีเอนไซม์ลินามาริเนส (Linamarinase) พบในส่วนต่าง ๆ ของพืช สามารถย่อยลินามารินไปเป็นไฮโดรเจนไซยาไนด์ ซึ่งเป็นพิษ


ปริมาณความเข้มข้นของ ไซยาไนด์ ในพืชต่าง ๆ

ชนิดของพืชความเข้มข้นของไซยาไนด์ (mg.kg-1)
มันสำปะหลัง ในส่วนต่าง ๆ ดังนี้
► ใบ377 – 500
► หัวมัน138
► หัวมันอบแห้ง46-100
► หัวมันบด81
หน่อไม้Max. 8,000
ถั่วไลมา (Lima bean)2,100
อัลมอนด์280 – 2,500

พืชแต่ละชนิดและส่วนต่าง ๆ ของพืชนั้น มีปริมาณไซยาไนด์แตกต่างกัน อย่างไรก็ตาม การนำพืชหรือมันสำปะหลังไปล้างให้สะอาดและปรุงสุกแล้วก็สามารถบริโภคได้อย่างปลอดภัย ?

👉 ส่วนในร่างกายมนุษย์สามารถกำจัดไฮโดรเจนไซยาไนด์ โดยเอนไซม์โรดานีส (Rhodanese) และเบต้า-ไซยาโนอะลานีนซินเทส (Beta-Cyanoalanine Synthase) ให้เป็นไทโอไซยาเนต (Thiocyanate) ซี่งมีพิษน้อยลงและสามารถขับทิ้งทางปัสสาวะได้ นอกจากนี้ ยังมีวิธีการลดพิษไซยาไนด์ในพืชหลายวิธี เช่น การให้ความร้อน การปรุงอาหาร เป็นต้น ซึ่งระดับของไซยาไนด์ที่เป็นพิษ (lethal dose) ต่อมนุษย์ คือ 0.5–3.5 มิลลิกรัม/กิโลกรัม

  • ไซยาไนด์ที่มนุษย์สังเคราะห์ขึ้น

ไฮโดรเจนไซยาไนด์ เป็นสารเคมีชนิดแรกในกลุ่มไซยาไนด์ที่ถูกสังเคราะห์ขึ้น เป็นแก๊สที่ไม่มีสี มีกลิ่นขมคล้ายเมล็ดอัลมอนด์ และนำไปใช้เป็นสารเริ่มต้นในการสังเคราะห์สารประกอบไซยาไนด์อื่น ๆ โดยทั่วไปไฮโดรเจนไซยาไนด์มักถูกสังเคราะห์ขึ้นจากการทําปฏิกิริยาของแอมโมเนีย (NH3) และแก๊สธรรมชาติ (แก๊สมีเทน, CH4) ในสภาวะที่มีออกซิเจน ที่อุณหภมู ิประมาณ 1200°C โดยใช้แพลทินัม (platinum, Pt) เป็นตัวเร่งปฏิกิริยา ในแต่ละปีอัตราการผลิตไฮโดรเจนไซยาไนด์อยู่ที่ประมาณ 1.4 ล้านตันต่อปี โดย 13% ของปริมาณนี้ถูกนำไปสังเคราะห์โซเดียมไซยาไนด์ ซึ่งเกิดจากการทำปฏิกิริยาของไฮโดรเจนไซยาไนด์และโซเดียมไฮดรอกไซด์ แล้วระเหยเอาน้ำออก เรียกกระบวนการผลิตนี่ว่า Neutralization-Wet process และนําไปใช้ในอุตสาหกรรม เช่น การทําเหมืองแร่ทองคํา การชุบโลหะ และเครื่องประดับ ส่วนที่เหลืออีก 87% นำไปใช้ในอุตสาหกรรมอื่น ๆ เพื่อผลิตผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ในชีวิตประจำวัน

210107-Content-“ไซยาไนด์”-คืออะไร-อันตรายแค่ไหน-04 edit


อุตสาหกรรมต่าง ๆ ที่ใช้ไซยาไนด์ 

สารอุตสาหกรรมที่ใช้
แคดเมียมไซยาไนด์
(Cadmium cyanide, Cd(CN)2)
อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์
แคลเซียมไซยาไนด์
(Calcium cyanide, Ca(CN)2)
ใช้เป็นสารฆ่าเชื้อรมควันผลิตภัณฑ์ ใช้ผลิตสาร HCN และ Ferro Cyanide และใช้รักษาสภาพของซีเมนต์
ไซยาโนเจน โบรไมด์
(Cyanogen bromide, CNBr)
ใช้ในการสกัดทองคำ ผลิตย่าฆ่าแมลง
ไฮโดรเจนไซยาไนด์
(Hydrogen cyanide, HCN)
อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ ใช้เป็นสารช่วยจับโลหะ, อุตสาหกรรมผลิตยา ใช้เป็นส่วนผสมยาฆ่าแมลง และยากำจัดหนู
นิเกิลไซยาไนด์
(Nickel cyanide, Ni(CN). 4H2O)
อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์
โพแทสเซียมไซยาไนด์
(Potassium cyanide, KCN)
อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ ใช้ในกระบวนการผลิตเหล็กกล้า ใช้สำหรับสกัดแร่ ใช้เป็นส่วนผสมน้ำยาขัดเงา และใช้ในกระบวนการล้างภาพ
โพแทสเซียม เฟอร์ไรไซยาไนด์
(Potassium ferricyanide, K3Fe(CN)6)
ใช้ในกระบานการล้างภาพ และงานพิมพ์เขียว การให้ความร้อนแก่โลหะ และใช้ในอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์
ซิลเวอร์ไซยาไนด์
(Silver cyanide, AgCN)
อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์

นอกจากนี้ กิจกรรมต่าง ๆ ของมนุษย์ เช่น การกลั่นน้ำมัน, การเผาไหม้ของเชื้อเพลิงรถยนต์, การสูบบุหรี่ และการรับประทานอาหารที่มีไซยาไนด์เป็นองค์ประกอบ เช่น อัลมอนด์ ถั่วไลมา กาแฟ และเกลือ ก็สามารถปล่อยไซยาไนด์ออกมาได้เช่นกัน


? พิษของไซยาไนด์

ไซยาไนด์เป็นสารเคมีที่มีความเป็นพิษสูง ที่สามารถพบได้ทั่วไปในสิ่งแวดล้อม ซึ่งอาจเป็นผลมาจากกระบวนการทางธรรมชาติและจากกิจกรรมต่าง ๆ ในภาคอุตสาหกรรม โดยไซยาไนด์ สามารถเข้าสู่ร่างกายได้ทั้งทางปาก การหายใจ และการดูดซึมผ่านทางผิวหนังและตา โดยระดับความรุนแรงจากพิษของไซยาไนด์ จะขึ้นอยู่กับปัจจัย 4 ประการ ได้แก่ ชนิดของสิ่งมีชีวิต, ระยะเวลาการได้รับ, ปริมาณที่ได้รับ และเส้นทางการได้รับ เช่น การหายใจ การกลืน หรือการฉีด เป็นต้น

โดยผลกระทบจากการได้รับ ไซยาไนด์ แบ่งได้ 2 ประเภท ดังนี้

ภาวะเป็นพิษแบบเฉียบพลัน เป็นอาการที่พบได้ยาก เกิดขึ้นในทันที อาจทำให้เกิดอาการ เช่น หายใจติดขัด เลือดไหลเวียนผิดปกติ ภาวะหัวใจหยุดเต้น สมองบวม ชัก และหมดสติ เป็นต้น

ภาวะเป็นพิษแบบเรื้อรัง เกิดจากการได้รับไซยาไนด์ปริมาณเล็กน้อยต่อเนื่องกันเป็นเวลานาน ในเบื้องต้นอาจทำให้เกิดอาการปวดศีรษะ ง่วงซึม คลื่นไส้ อาเจียน เกิดผื่นแดง และอาจมีอาการอื่น ๆ เกิดขึ้นตามมา เช่น รูม่านตาขยาย ตัวเย็น อ่อนแรง หายใจช้า เป็นต้น นอกจากนี้ หากไม่ได้รับการรักษาเป็นเวลานาน อาจทำให้หัวใจเต้นช้าหรือเต้นผิดปกติ ผิวหนังบริเวณใบหน้าและแขนขากลายเป็นสีม่วง โคม่า และเสียชีวิตในที่สุด

210107-Content-“ไซยาไนด์”-คืออะไร-อันตรายแค่ไหน-05 edit


หากสัมผัสกับ ไซยาไนด์ ควรรับมืออย่างไร? 

หากสัมผัสกับสารชนิดนี้ ควรรีบลดปริมาณสารดังกล่าวให้ได้มากที่สุด มีวิธีการรับมือ ดังนี้

  • การสัมผัสทางผิวหนัง หากร่างกายสัมผัสกับ ไซยาไนด์ ให้ถอดเสื้อผ้าที่ปนเปื้อนออกด้วยการใช้กรรไกรตัดเสื้อผ้าออกเป็นชิ้น ๆ และนำออกจากลำตัว โดยวิธีนี้จะช่วยให้เสื้อผ้าที่ปนเปื้อนไม่ไปสัมผัสกับผิวหนังส่วนอื่น เช่น ศีรษะ และไม่ควรให้ผู้อื่นสัมผัสร่างกายหรือเสื้อผ้าโดยตรง เพราะอาจได้รับพิษไปด้วย จากนั้น จึงทำความสะอาดร่างกายด้วยน้ำและสบู่เพื่อลดปริมาณสารพิษให้ได้มากที่สุด ก่อนรีบนำส่งโรงพยาบาล
  • การสูดดมและรับประทาน หากสูดดมอากาศที่มีไซยาไนด์ปนเปื้อนควรออกจากพื้นที่บริเวณนั้น หากไม่สามารถออกจากสถานที่ได้ควรก้มต่ำลงบนพื้น ในกรณีที่ผู้ป่วยหายใจลำบากหรือหยุดหายใจ ต้องทำ CPR เพื่อปฐมพยาบาลเบื้องต้นและรีบนำตัวส่งโรงพยาบาล แต่ห้ามใช้วิธีเป่าปากหรือวิธีผายปอดเพื่อหลีกเลี่ยงการได้รับพิษ
  • การสัมผัสทางดวงตา ควรถอดแว่นตาหรือคอนแทคเลนส์ออก จากนั้น ใช้น้ำสะอาดล้างตาต่อเนื่องกันอย่างน้อย 10 นาที และไปโรงพยาบาลเพื่อรับการตรวจ

สิ่งของบางอย่างที่ปนเปื้อน ไซยาไนด์ อาจนำกลับมาใช้ใหม่ได้ แต่ต้องทำความสะอาดเพื่อกำจัดสารพิษอย่างถูกวิธีก่อนนำกลับมาใช้ สำหรับคอนแทคเลนส์ หรือเสื้อผ้าที่ปนเปื้อนควรเก็บใส่ถุงพลาสติกที่มิดชิดและกำจัดทิ้งอย่างเหมาะสมตามคำแนะนำของผู้เชี่ยวชาญ ?

ตารางความสัมพันธ์ในการตอบสนองของมนุษย์และสัตว์ต่อปริมาณความเข้มข้นของการได้รับ “ไฮโดรเจนไซยาไนด์ในอากาศ”

ประเภทความเข้มข้น HCN (ppm)การตอบสนอง
มนุษย์270เสียชีวิตทันที
181เสียชีวิตหลังได้รับ 10 นาที
135เสียชีวิตหลังได้รับ 30 นาที
110 – 135เสียชีวิตหลังได้รับ 30 – 60 นาที หรือนานกว่านี้
45 – 55ทนได้นาน 30 – 60 นาที โดยไม่แสดงอาการเฉียบพลัน
18 – 36แสดงอาการเล็กน้อยหลังได้รับนานหลายชั่วโมง
หนู1300ตายทันทีหลังได้รับ 1 – 2 นาที
110ตายทันทีหลังได้รับ 45 นาที
45ตายทันทีหลังได้รับ 2.5 – 4 ชั่วโมง
แมว315ตายอย่างรวดเร็ว
180ตาย
125ได้รับพิษอย่างชัดเจนภายใน 6 – 7 นาที
สุนัข315ตายอย่างรวดเร็ว
115ตาย
90อาจทนได้นานเป็นชั่วโมง และตายหลังจากนั้น
30 – 65อาเจียน ชักกระตุก และอาจตายได้
30อาจทนได้
กระต่าย315ตาย
120ไม่แสดงอาการชัดเจน


แก๊สไฮโดรเจนไซยาไนด์ คืออะไร?

ไฮโดรเจนไซยาไนด์ (Hydrogen cyanide, สูตรเคมี HCN) เป็นก๊าซที่ไม่มีสี ซึ่งก่อให้เกิดอาการไอ มีเสมหะ และหลอดลมอักเสบเรื้อรัง ปวดศีรษะ เวียนศีรษะ และคลื่นไส้อาเจียน เป็นก๊าซพิษที่ใช้ในสงคราม นอกจากนี้สารไนเตรตในบุหรี่ ทำให้เกิดไฮโดรเจนไซยาไนด์ สารนี้เป็นตัวสกัดกั้นเอนไซม์ที่เกี่ยวกับการหายใจหลายตัว ทำให้เกิดความผิดปกติของการเผาผลาญพลังงานที่กล้ามเนื้อหัวใจ และที่ผนังหลอดเลือด

👉 เป็นแก๊สพิษที่มีความรุนแรงมากกว่าแก๊สคาร์บอนมอนอกไซด์ ส่วนผสมในอากาศ 100 ppm. มีผลให้ผู้สูดดมหมดสติและเสียชีวิตได้ในเวลา 30-60 นาที แก๊สนี้เกิดจากการเผาไหม้สารประกอบไฮโดรคาร์บอน ที่มีองค์ประกอบของคลอรีน เช่น พวกพลาสติก, ยาง, เส้นใย, ขนสัตว์, หนังสัตว์, ไม้ หรือผ้าไหม เป็นแก๊สที่เบากว่าอากาศ จึงมีอันตรายมากในการเผาไหม้ในอาคารหรือบริเวณจำกัดต่าง ๆ


ไซยาไนด์ ในรูปแบบไหนที่เป็นอันตรายต่อชีวิต?

สารเคมีอันตรายชนิดนี้มีรูปแบบที่หลากหลายทั้งในรูปแบบของแข็ง ของเหลว และแก๊ส โดยแต่ละชนิดมีแหล่งที่มาและคุณสมบัติที่แตกต่างกันไป ดังนี้

210107-Content-“ไซยาไนด์”-คืออะไร-อันตรายแค่ไหน-06 edit
  • Sodium Cyanide (NaCN) เป็นของแข็งสีขาว อาจอยู่ในรูปแบบผลึก แท่ง หรือผง พบได้ในอุตสาหกรรมเหมืองแร่ ใช้ในการเคลือบเงาหรือเคลือบสีเหล็ก และเป็นส่วนประกอบในยาฆ่าแมลง สามารถเข้าสู่ร่างกายจากการสัมผัสบริเวณปากแผล การสูดดม หากรับประทานอาจเป็นพิษถึงตายได้
  • Potassium Cyanide (KCN) มีลักษณะเป็นก้อนผลึก หรือผงสีขาว เมื่อเป็นของเหลวจะใสไม่มีสี กลิ่นคล้ายแอลมอนด์ มักนำมาใช้ในการสกัดแร่ อย่างทองหรือเงิน และยังพบได้ในยาฆ่าแมลง เมื่อ Potassium cyanide เจอกับความร้อนจะทำให้เกิดควันพิษ หากได้รับเข้าสู่ร่างกายอาจรบกวนการทำงานของอวัยวะภายในจนเป็นอันตรายถึงชีวิต
  • Hydrogen Cyanide (HCN) อาจมาในรูปของของเหลว หรือแก๊สที่ไม่มีสี พบในควันจากท่อไอเสีย ควันบุหรี่ และควันจากโรงงานอุตสาหกรรม เมื่อสูดดมอาจทำให้เกิดผลกระทบต่อระบบทางเดินหายใจ ระบบประสาทส่วนกลาง รวมทั้งยังอาจก่อให้เกิดการระคายเคืองตามผิวหนังและดวงตา
  • Cyanogen Chloride (CNCl) มีลักษณะเป็นของเหลว หรือแก๊สที่ไม่มีสี มีกลิ่นฉุน และเป็นพิษอย่างรุนแรงเมื่อเผาไหม้ อาจทำให้ระคายเคืองเมื่อสูดดม


วิธีหลีกเลี่ยงการสัมผัสกับไซยาไนด์

การหลีกเลี่ยงและลดโอกาสในการสัมผัสกับไซยาไนด์ อาจทำได้ ดังนี้

  • งดสูบบุหรี่
  • เก็บภาชนะที่บรรจุสารเคมีภายในบ้านให้มิดชิดและเหมาะสม
  • ผู้ที่ทำงานเกี่ยวกับสารเคมี ควรใช้ภาชนะรองรับสารเคมีที่มีขนาดเล็กที่สุด ซึ่งอาจช่วยให้ได้รับสารพิษน้อยลงหากเกิดอุบัติเหตุ รวมถึงลดโอกาสการสัมผัสและการสูดดมลงด้วย
  • ผู้ที่ทำงานเกี่ยวกับสารเคมี ไม่ควรนำเสื้อผ้าหรืออุปกรณ์ที่อาจปนเปื้อนไซยาไนด์ออกนอกสถานที่ทำงานหรือนำกลับบ้าน
  • ติดตั้งเครื่องดักจับควัน เนื่องจากไซยาไนด์อาจมาในรูปแบบของควันได้
  • สวมอุปกรณ์ป้องกันทุกครั้งเมื่อต้องทำงานกับสารเคมี หรือต้องเข้าไปในพื้นที่ที่มีการปนเปื้อนของไซยาไนด์
  • ผู้ที่มีความเสี่ยงได้รับสารพิษสูง เช่น เกษตรกร ช่างเหล็ก ช่างทอง พนักงานที่อยู่ในกระบวนการการผลิตกระดาษ สิ่งทอ ยาง และพลาสติก ผู้ที่ทำงานกำจัดแมลง เป็นต้น ควรไปพบแพทย์และเข้ารับการตรวจสุขภาพเป็นประจำ